กล่าวได้ว่าเกมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ 5 ดาว น้ำจิ้มข้นคลั่กระหว่าง อาร์เซนอล แล้วก็ แมนฯยูฯ เกือบจบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้งจนกระทั่งเกิดประตูชัยสนามแตกในนาที 90
ก่อนหน้านี้การคัมแบ็คทวงประตูคืนฝั่งละหนของทั้งยัง 2 ทีมอย่างเร็วในเวลาใกล้เคียงกัน (6-7 นาที) หากนับถึงแค่นี้ผลเสมอให้ได้ไม่น่าเกลียด
ด้วยความเป็นเจ้าบ้าน/ทีมเยือน ในช่วงเวลา 10-20 นาทีสุดท้ายอาร์เซนอล โหมหนักขึ้น ในขณะที่ ยูไนเต็ด ดูอ่อนล้าจนกระทั่งแนวรับแกว่งอย่างเห็นได้ชัดเจน
การถอด แอนโทนี่ รวมทั้งอัด เฟร็ด ยัดกลางรับอีกตัวตั้งแต่นาที 71 คือการบอกเป็นนัย ๆ ของ เอริค เทน ฮาก ว่าขอ 1 แต้มเป็นอย่างน้อย
ภารกิจที่ว่านี้แทบถึงฝั่งแต่แนวรับของ ยูไนเต็ด ถูกขยี้ถี่จนถึงเสมือนบอลรอโดนแถมประตูของ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ดันมาโผล่แบบไม่เหลือเวลาให้ “ปีศาจแดง” ตามแก้ตัวอะไรก็ตามอีกแล้ว
ความลื่นไหลของเกม, การต่อสู้ที่ตื่นเต้นกระตุ้นใจ สะกดให้พวกเราลุกไปไหนไม่ได้ทำให้เวลาผ่านไปเร็วโคตร ๆ
“ปืนใหญ่” ที่จัดเกมบุกตาม แบบฉบับเจ้าบ้านอยู่ร่วม ๆ 10 กว่านาทีแต่โชคร้ายตรงที่ว่าความผิดพลาด ครั้งแรกกับการเสียบอลในแดนตัวเองถูกลงโทษทันที
มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ตอนนี้ฟอร์มน่ากลัวสุด ๆ ใช้โอกาสแรกของตนรวมทั้งของฝี่งทีมเยือนประเดิม ลูกแรกจากความเยือกเย็นแตะต้องดาก โธมัส ปาเตย์ (ที่วันนี้ผมว่าเล่นน้อยกว่ามาตรฐาน) ก่อนเลือกยิงมุมยากจนข้นแค้น แรมเดลส์ กว่าจะรู้ตัวก็ช้าไปแล้ว
การขาด คาเซมิโร่ ของ ยูไนเต็ด ได้ผลทันตาเห็น แดนกลางฮวบ การสกรีนเกมรุกที่ตัวเสียบแทนอย่าง แม็คโทมิเนย์ ผลลัพท์ออกมาคนละตีน
กระทบไปถึง เอริคเซ่น ที่ปกติแกเป็นพวกประดิษฐ์เกมต้องทำงาน “เสริม” ช่วยเกมรับจนถึงแทบไม่เหลือแรง
ผมนี่งงมาก เลยคือ แม็คโทฯ แกยืนมิดฟิลด์ฝั่งซ้ายซึ่งตำแหน่งนี้แกต้องคอยซ้อน ลุค ชอว์ เพื่อรับมือกับ ซาก้า ที่จ้องเลี้ยงตัดเข้าในตลอดทั้งเกม
แต่จังหวะที่เสียประตูปล่อยให้คนอายุ 30 ปีอย่าง เอริคเซ่น มาไล่กวดซะงั้น (แต่ตนเองไปยืนในเขตโทษ)
ไม่ใช่แค่ลูกนี้ครับตอนช่วงนาที 70 ที ซาก้า กดสูตรเดิมก็ยังเป็น เอริคเซ่น คนเดิมพยายามช่วยบล็อกแต่ก็ช้าไป 1 ก้าว (อีกแล้ว) โชคดีบอลแฉลบโคนเสา
เข้าบอลดุกว่า หนุ่มกว่าแต่ไหงไปยืนมองดู รักษาพื้นที่ในเขตโทษซึ่งมีแนวรับคนอื่นๆประจำการอยู่แล้ว
ความอันตรายและจมูกไวในเขตโทษของ เอ็นเคเทียห์ ถือเป็นอาวุธลับของ “ปืนใหญ่” ในฤดูกาลนี้จริง ๆ ครับ
เนื่องจากว่ามีการเปิดสถิติตลอด 13 เกมที่ลงตัวจริงใน เอมิเรสต์ สเตเดียม “พี่เอ็นข้อ” ซัดไปถึง 12 ประตู ตัวเลขโคตรโหด!!
การเข้าหาบอลตัดหน้า “ไอ้แมงมุม”, การอยู่ถูกที่ถูกเวลา ในระยะเผาขนรอบแรก (ติดเซฟ เด เกอา) และก็ซัดประตูชัยนาที 90 ล้วนแล้วแต่เป็นสัญชาตญาณดาวยิงล้วน ๆ
ถ้าหากเป็นคนรุ่นเก่ายุค 90 จะระลึกถึง อลัน สมิธ กองหน้าร่างสูงใหญ่ที่ไม่ว่าบอลโด่งบอลเลียดถึงเวลาเขาจะมาตามนัดเอง
ครับสำหรับผู้แพ้ “ปีศาจแดง” การโดนยิงช่วงเวลาอื่น “เจ็บ” ไม่เท่าโดนช่วงนาทีสุดท้าย อารมณ์ประมาณไม่เหลือเวลาให้ระบายโกรธแค้น เกมจบแบบมีเงื่อนในใจ
ยิ่งมองถึงฟอร์มแล้วก็การสู้กับ “จ่าฝูง” ได้ไม่เป็นรอง การตาม อาร์เซนอล 8 แต้มกับตอนนี้ 11 แต้มคงต้องใช้วลา heal กันอีกพักนึง
แต่ในมุมมองผม ยูไนเต็ด วันนี้ต่างจากซีซั่นก่อนรวมทั้งต้นซีซั่นจริง ๆ การเล่นและเสียประตูแบบเด็กอนุบาล ที่แฟนบอลทีมอื่นเอามาล้อรวมฮิตในยูทูปมันไม่มีอีกแล้ว
ตามหลักแล้วก้าวแรกของทีม ที่จะขึ้นมาลุ้นแชมป์บนหัวตารางอย่างสุดกำลังต้องเริ่มจากสัมผัสถึงแรงกดดันและรับมือต่อสู้เกมอันเข้มข้นของทีมระดับ top ให้ได้ก่อน
ทั้งยัง 2 นัดไม่ว่าเกมที่เจออาร์เซนอล หรือ แมนฯซิตี้ เด็ก ๆ ของ เอริค เทน ฮาก พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า space ความห่างมันอยู่เพียงแค่ปลายนิ้วจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่ก่อน ETH จะมาทรงบอลคนละตีนกันเลยนะครับ
ผมเชื่อเหลือเกินว่าตลาดซัมเมอร์หน้าจะผลักให้ “ปีศาจแดง” ก้าวขึ้นมาลุ้นแชมป์สู้กับ ซิตี้ รวมทั้งอาร์เซนอล เต็มตัวแน่นอน
สำหรับ “ปืนใหญ่” การเก็บชัยครั้งแล้วครั้งเล่า 16 จาก 19 เกมซึ่งสัมผัสครึ่งซีซั่นเป็นตัวเลขที่ไม่มีวัน พูดปดใคร
การคว้า เลอันโดร ทรอสซาร์ ทั้งๆที่ “ปืนใหญ่” ยิงประตูมากที่สุดในลีกรองจาก ซิตี้ เป็นการประกาศตัวต้องแชมป์เท่านั้นของ มิเกล อาร์เตต้า บิ๊กบอสหน้าหยก
5 แต้มเหนืออันดับ 2 พร้อม 1 เกมในมือถือว่าไม่ได้มากอะไรเลยเมื่อพวกเรากำลังพูดถึง แมนฯซิตี้ ของ เป๊ป กวาดิโอล่า
ตัวแปรสำคัญคืออีกทั้ง 2 ทีมยังไม่ได้เจอกันเลยในฤดูกาลนี้ 16 เดือนกุมภาพันธ์ ที่ เอมิเรสต์ รวมทั้ง 27 ม.ย. ที่ เอติฮัด แน่นอนไม่ใช่ตัวตัดสินแชมป์ที่โดยความเป็นจริง
ความสม่ำเสมอในการดูดแต้มจากบรรดาทีมอื่น ๆ ต่างหากคือปัจจัยคว้าแชมป์ซึ่ง so far ตอนนี้ อาร์เซนอล ถือว่ายังทำได้เจ๋งกว่า ซิตี้ ที่ยังมีเส้นกราฟที่สวิงไปมานิดหน่อย
หนทาง ยังอีกยาวไกลอีกครึ่งซีซั่นหรือ 4 เดือนเต็มก็จริงแต่ต้องกล่าวว่าตอนนี้ “ปืนใหญ่” มาดีและก็ดูดีจริง ๆ ครับ…

เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ เป็นนักเตะ อาร์เซนอล คนที่ 2
ที่ยิงประตูนาที 90 ใส่ แมนฯยูไนเต็ด (ในพรีเมียร์ลีก) นับตั้งแต่ เธียร์รี่ อองรี เคยทำเอาไว้ภายในเดือนมกราคม 2007
เอ็นเคเทียห์ เป็นแข้ง “ปืนใหญ่” คนแรกที่ยิง 2 ประตูใส่ แมนฯยูฯ ในพรีเมียร์ลีกนับตั้งแต่ อเล็กซิส ซานเชส เคยทำไว้เมื่อเดือนตุลุกลามคม 2015
ยิ่งไปกว่านี้ “พี่เอ็ดดี้” ทำสถิติสุดร้อนแรงยิง 18 ประตูจากการออก สตาร์ตเป็นตัวจริง 26 เกมในทุกรายการรวมถึง 12 ประตูจากการลงตัวจริง 13 เกมที่ เอมิเรสต์ สเตเดียม อีกด้วย
อาร์เซนอล สัมผัสบอลในกรอบเขตโทษของ แมนฯยูฯ เกมนี้มากถึง 63 ครั้ง นับเป็นตัวเลขที่มากที่สุดในเกมเดียวของซีซั่นนี้
“ปืนใหญ่” ทำสถิติไร้แพ้ในพรีเมียร์ลีกเป็นนัดที่ 13 (ชนะ 11 เสมอ 2) เป็นตัวเลขที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2018 (14 เกม)
บูกาโย่ ซาก้า เป็นนักฟุตบอล “ปืนใหญ่” คนที่ 3 ที่ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกในการเจอกับ “ปีศาจแดง” 3 เกมติดต่อกันโดย 2 คนก่อนหน้านี้ที่ทำได้คือ เฟร็ดดี้ ยุงเบิร์ก (1998-2000) และ เธียร์รี่ อองรี (2000-2001)
เกมนี้นับว่าเป็นหนที่ 3 เท่านั้นที่อาร์เซนอล เปิดบ้านรับมือกับ แมนฯยูฯ ในขณะที่รั้งตำแหน่ง “จ่าฝูง” โดยทั้ง 3 เกมพวกเขาไม่แพ้เลย (ชนะเกมนี้ 3-2,เสมอ 1-1 ปี 2004 รวมทั้ง 2-2 ปี 2007)
มาร์คัส แรชฟอร์ด ยิง 9 ประตูในทุกรายการนับตั้งแต่จบบอลโลก นับว่าเป็นนักฟุตบอลที่ยิงมากกว่าผู้เล่นคนอื่น ๆ ใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรปเลยทีเดียว
ลิซานโดร มาติเนซ เป็นนักฟุตบอล อาร์เจนติน่า คนที่ 7 ที่ทำประตูให้ แมนฯยูฯ ถือว่ามากกว่าทุกๆสโมสรไปแล้ว (คาร์ลอส เตเวซ, ฮวน เซบาสเตียน เวรอน, อังเคล ดิ มาเรีย, มาร์กอส โรโฮ, กาเบรียล ไฮนเซ่ รวมทั้ง อเลฮานโดร การ์นาโช่)
แมนฯยูฯ ไม่พบกับความมีชัยเลยเมื่อต้องบุกมาเยือนอาร์เซนอล 5 เกมทุกรายการโดยแพ้ถึง 4 แล้วก็เสียอย่างน้อย 2 ประตูในแต่ละความพ่าย (เสมออีก 1) เป็นสถิติไม่มีชัยที่ เอมิเรสต์ ที่ยาวนานที่สุดของพวกเขานับตั้งแต่ตุลาคม 2000 – มีนาคม 2004 (5 เกม)
เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 25 ประตูจากการอ้าเท้ายิงเพียงแต่ 74 หนเท่านั้นโดยดาวซัลโวสูงสุดของ แมนฯซิตี้ อย่าง กุน อเกวโร่ กว่าจะยิงได้ 25 ประตูต้องใช้โอกาส 150 ครั้งหรือมากกว่า 2 เท่า
เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ กดแฮทริคที่ 4 จากการลงเล่นในพรีเมียร์ลีกเพียง 19 นัดเท่านั้น เป็นการทำลายสถิติของ รุด ฟาน นิสเตลรอย ที่ทำ 4 แฮทริคจากการลงเล่น 65 นัดอย่างง่ายดาย
19 – เออร์ลิ่ง ฮาลันด์
65 – รุด ฟาน นิสเตลรอย
81 – หลุยส์ ซัวเรซ
86 – อลัน เชียร์เรอร์
89 – ร็อบบี้ ฟาวเลอร์
มีเพียง อลัน เชียร์เรอร์ คนเดียวเท่านั้น (5 หนในซีซั่น 1995-96) ที่ทำแฮทริคในพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลเดียวมากกว่า เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ (4 หน 2023-24)
ไม่มีนักเตะคนไหนยิงประตูในบ้านในฤดูกาลเดียวให้ แมนฯซิตี้ มากกว่า เออร์ลิง ฮาลันด์ อีกแล้ว (16 ประตูจาก 11 เกมที่ เอติฮัด) ซึ่งเป็นตัวเลขที่เท่า กุน อเกวโร่ (2011-12)
เควิน เดอ บรอยน์ จัดไปแล้ว 16 แอสซิสต์รวมทุกรายการในฤดูกาลนี้ซึ่งมากกว่านักเตะทุกคนใน 5 ลีกใหญ่ ๆ โดย 7 จาก 16 เป็นประตูของ ฮาลันด์